
ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 5.50% ในวันนี้ (18 มิ.ย.) ตามที่ตลาดคาดการณ์ แต่ในขณะเดียวกันก็ส่งสัญญาณชัดเจนว่ายังคงเปิดกว้างสำหรับมาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติมในอนาคต เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญความท้าทายรอบด้าน
เพอร์รี วาร์จิโย ผู้ว่าการ BI แถลงว่า คณะกรรมการพร้อมพิจารณาปรับลดต้นทุนการกู้ยืมเพิ่มเติม เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มอยู่ในกรอบเป้าหมายทั้งในปีนี้และปีหน้า ขณะที่การใช้จ่ายภาคครัวเรือนและการลงทุนยังคงต้องการแรงกระตุ้น อย่างไรก็ตาม เขาย้ำว่า “ช่วงเวลาของการลดดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเสถียรภาพของค่าเงินรูเปียห์”
ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค.อยู่ที่เพียง 1.6% ซึ่งใกล้เคียงกรอบล่างของเป้าหมายที่ 1.5% – 3.5% สะท้อนถึงอุปสงค์ในประเทศที่ยังซบเซา ขณะเดียวกัน การเติบโตของสินเชื่อในเดือนเดียวกันก็ชะลอตัวลงสู่ระดับ 8.43% ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2566
ด้วยเหตุนี้ ผู้ว่าการ BI จึงเรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงให้สอดคล้องกับทิศทางนโยบายของธนาคารกลาง โดยระบุว่า BI ได้อัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติมให้แก่ระบบธนาคารไปแล้วกว่า 372 ล้านล้านรูเปียห์ (2.283 หมื่นล้านดอลลาร์) ผ่านการผ่อนคลายเกณฑ์เงินสำรองของธนาคารพาณิชย์ (Reserve Requirements)
มุมมองของนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่สอดคล้องกันว่า BI มีแนวโน้มจะกลับมาลดดอกเบี้ยอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยอาจปรับลดได้ถึง 0.50% เนื่องจากเศรษฐกิจอินโดนีเซียยังคงเผชิญแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์
ทั้งนี้ BI ได้ปรับลดดอกเบี้ยมาแล้ว 3 ครั้งนับตั้งแต่เดือนก.ย. ปีก่อน และได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจลงแล้วถึง 2 ครั้งในปีนี้ โดยยังคงประมาณการ GDP ปี 2568 ไว้ในกรอบ 4.6% – 5.4%
นอกจากมาตรการทางการเงินแล้ว รัฐบาลอินโดนีเซียยังได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชนผ่านเงินอุดหนุนค่าเดินทางและการแจกจ่ายเงินสดและอาหาร
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 มิ.ย. 68)