
เศรษฐกิจสหราชอาณาจักร (UK) กำลังเผชิญปัจจัยฉุดรั้งครั้งสำคัญ ทั้งจากกำแพงภาษีของสหรัฐฯ และต้นทุนภายในประเทศที่สูงขึ้น ส่งผลให้สมาพันธ์อุตสาหกรรมแห่งสหราชอาณาจักร (CBI) ซึ่งเป็นองค์กรธุรกิจชั้นนำ ต้องปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของปี 2568 และ 2569 ลงอย่างมีนัยสำคัญ
CBI คาดว่าเศรษฐกิจปีนี้จะเติบโตเพียง 1.2% (จากเดิม 1.6%) และจะชะลอตัวลงอีกเหลือ 1.0% ในปี 2569 (จากเดิม 1.5%)
ปัจจัยสำคัญมาจากต้นทุนแรงงานในประเทศที่เพิ่มขึ้นหลังการปรับขึ้นเงินสมทบประกันสังคมและค่าแรงขั้นต่ำเมื่อเดือนเม.ย. ซึ่งกระทบต่อแผนการจ้างงานและการลงทุนของภาคธุรกิจโดยตรง ขณะเดียวกัน กำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ก็สร้างความกังวลและส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางธุรกิจ แม้ผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออก (ซึ่งมีสัดส่วนไปสหรัฐฯ ราว 7%) จะมีจำกัดก็ตาม
สถานการณ์ยังถูกซ้ำเติมจากความเสี่ยงภายนอก โดย CBI ระบุว่ากำลังจับตาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านอย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจผลักดันให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นและกระทบต่อครัวเรือนและธุรกิจในวงกว้าง
ในขณะที่เศรษฐกิจชะลอตัว CBI คาดว่าเงินเฟ้อปีนี้จะยังสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ก่อนจะลดลงสู่ระดับ 2.5% ในปี 2569
ด้านทิศทางดอกเบี้ย BoE คาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า ขณะที่ CBI ประเมินว่า BoE จะทยอยลดดอกเบี้ยนโยบายอย่างช้า ๆ ลงสู่ระดับ 3.5% ภายในปลายปี 2568 จากปัจจุบันที่ 4.25%
แม้ภาพรวมระยะสั้นจะดูซบเซา แต่ CBI มองว่าการเติบโตในปี 2569 จะมีแรงขับเคลื่อนหลักมาจากการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน ซึ่งจะได้รับอานิสงส์จากเงินเฟ้อที่ลดลงและต้นทุนการกู้ยืมที่ต่ำลง
หลุยส์ เฮลเลม หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ CBI กล่าวว่า “แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่คาดเดายาก ประกอบกับต้นทุนการจ้างงานที่สูงขึ้น ความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ซบเซา และแผนการลงทุนที่ชะลอตัว ทำให้รัฐบาลจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ทุกมาตรการที่ทำได้เพื่อนำพาเศรษฐกิจของ UK ไปสู่เส้นทางการเติบโตที่ยั่งยืน”
เฮลเลมยังมองว่าแผนการใช้จ่ายของรัฐบาลที่ประกาศล่าสุด แม้ยังไม่ส่งผลในระยะสั้น แต่ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการวางรากฐานการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 มิ.ย. 68)