
โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) เตือนว่า ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะความเป็นไปได้ที่อิหร่านจะปิดช่องแคบฮอร์มุซ อาจผลักดันราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติให้พุ่งทะยานอย่างรุนแรง
ในบทวิเคราะห์เมื่อวันอาทิตย์ (22 มิ.ย.) ธนาคารประเมินว่า หากปริมาณน้ำมันที่ขนส่งผ่านช่องแคบฮอร์มุซลดลงครึ่งหนึ่งเป็นเวลา 1 เดือน และยังคงลดลงราว 10% ต่อเนื่องอีก 11 เดือน ราคาน้ำมันดิบเบรนท์อาจพุ่งแตะระดับสูงสุดที่ 110 ดอลลาร์/บาร์เรล
รายงานระบุว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งขึ้นในวันนี้ (23 มิ.ย.) แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี หลังสหรัฐฯ เปิดฉากโจมตีโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลก
ขณะเดียวกัน โกลด์แมน แซคส์ อ้างข้อมูลจากโพลีมาร์เก็ต (Polymarket) ว่า ตลาดยังคงประเมินความเป็นไปได้ที่อิหร่านจะปิดช่องแคบฮอร์มุซภายในปี 2568 สูงถึง 52% แม้จะเผชิญกับสภาพคล่องที่จำกัดก็ตาม
นอกจากนี้ ธนาคารยังประเมินว่า หากอิหร่านลดปริมาณส่งออกน้ำมันลงวันละ 1.75 ล้านบาร์เรล ติดต่อกันนาน 6 เดือน ก่อนจะค่อย ๆ ฟื้นตัว ราคาน้ำมันดิบเบรนท์อาจพุ่งแตะระดับ 90 ดอลลาร์/บาร์เรล ก่อนจะปรับลดลงสู่ช่วง 60 ดอลลาร์ภายในปี 2569
ทั้งนี้ สถานีโทรทัศน์เพรสทีวีของรัฐบาลอิหร่านรายงานว่า สภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดจะเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะปิดช่องแคบฮอร์มุซหรือไม่ หลังจากที่รัฐสภาได้ให้การสนับสนุนมาตรการดังกล่าวแล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 มิ.ย. 68)