
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลงในวันนี้ (23 มิ.ย.) หลังจากสหรัฐฯ เปิดฉากโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ที่สำคัญ 3 แห่งของอิหร่าน ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น และทำให้สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางมีความเสี่ยงที่จะลุกลามเป็นวงกว้าง
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 38,175.63 จุด ลดลง 227.60 จุด หรือ -0.59%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 23,498.82 จุด ลดลง 31.66 จุด หรือ -0.13% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,365.07 จุด เพิ่มขึ้น 5.17 จุด หรือ +0.15%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ลดลง 0.41% ส่วนดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปรับตัวลง 0.43%
สหรัฐฯ เปิดฉากโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ 3 แห่งของอิหร่านในเมืองฟอร์โด นาทานซ์ และอิสฟาฮาน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (21 มิ.ย.) ซึ่งสร้างความประหลาดใจแก่นักลงทุนที่คาดว่าจะมีการเจรจาทางการทูตมากขึ้นหลังจากที่ปธน.ทรัมป์กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่าเขาจะตัดสินใจภายในสองสัปดาห์ข้างหน้าว่าจะโจมตีอิหร่านหรือไม่
ขณะนี้นักลงทุนกำลังจับตาว่าอิหร่านจะตอบโต้อย่างไร โดยมีกระแสคาดการณ์ว่าอิหร่านอาจจะปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งจะขัดขวางการขนส่งน้ำมันทั่วโลก ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าการปิดช่องแคบฮอร์มุซเป็นเวลานานอาจทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทางด้านมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลจีนยื่นมือเข้ามาช่วยยับยั้งไม่ให้อิหร่านปิดช่องแคบฮอร์มุซ โดยจีนเป็นลูกค้าน้ำมันที่สำคัญที่สุดของอิหร่านและยังคงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอิหร่าน
หุ้นกลุ่มเดินทางในเอเชียร่วงลงในช่วงเช้าวันนี้ โดยถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นหลังจากสหรัฐฯ โจมตีอิหร่าน รวมทั้งความกังวลว่าอิหร่านอาจปิดช่องแคบฮอร์มุซ โดยหุ้นเจแปน แอร์ไลน์ส (Japan Airlines) ร่วงลง 1.35% และหุ้นเอเอ็นเอ โฮลดิงส์ (ANA Holdings) ลดลง 1%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 มิ.ย. 68)