“แพทองธาร” แถลงรับคลิปเสียงจริงคุย “ฮุนเซน” อ้างพูดถึงแม่ทัพภาค 2-เปิดด่าน แค่เทคนิคเจรจาต่อรอง

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดแถลงข่าวด่วนหลังจากมีการปล่อยคลิปเสียงจากฝั่งกัมพูชาที่ระบุว่าเป็นการสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีกับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชา ซึ่งเนื้อหาพาดพิงแม่ทัพภาค 2 และปัญหาการเปิด-ปิดด่านชายแดยไทย-กัมพูชา จนกลายเป็นประเด็นร้อนแรง เพราะมีการกล่าวว่า แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม

นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า คลิปเสียงเป็นของจริง โดยเป็นการพูดคุยทางโทรศัพท์แบบส่วนตัวเมื่อสัปดาห์ก่อน เพื่อขี้แจงทำความเข้าใจหลังจากทหารสองฝ่ายเกิดการปะทะกัน แม้จะมีการพูดถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม ก็ขออย่าถือสาและพยายามทำความเข้าใจ เพราะเป็นเทคนิคการพูดเพื่อไม่ให้สมเด็นฮุนเซนโกรธไปมากกว่านี้ และยืนยันว่ามีจุดมุ่งหมายในการรักษาความสงบของบ้านเมือง และรักษาอธิปไตยเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน

น.ส.แพทองธาร เล่าว่า ระหว่างที่พูดคุยกัน ทางกัมพูชาขอให้ไทยเปิดด่านชายแดน ซึ่งตนก็รับปากและตกลงว่าจะมีการเปิดด่านพร้อมกัน เพื่อแสดงจุดยืนถึงความมีสันติภาพ แต่ทางกัมพูชาไม่ยอม จึงบอกไปว่าไทยยอมแล้ว ไม่ได้จะต่อสู้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้ทำอะไร ทำไมจึงต้องมีการต่อรองให้ไทยเปิดก่อน แล้วเขารอ 5 ชั่วโมงจึงจะเปิดตาม จึงขออนุญาตปรึกษากับทางกระทรวงกลาโหมก่อน เนื่องจากมีการประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงที่บ้านพิษณุโลก

แต่ขณะที่การประชุมยังไม่เสร็จสิ้น ทางสมเด็จฮุนเซนก็โพสต์เฟซบุ๊กว่า หากไทยไม่ยกเลิกมาตรการเปิด-ปิดด่านทางกัมพูชาจะปิด-ด่านทั้งหมด จึงเกิดคำถามว่า ทำไมไม่เหมือนที่คุยกัน ทั้งที่ตนเองพยายามพูดด้วยความใจเย็น เพราะอยากทราบจริง ๆ ว่าเขาต้องการอะไร หรือมีอะไรบ้างที่เราต้องทำเพิ่มเติมให้ หรือจะคุยกันอย่างไรดีให้เกิดการต่อรอง และสันติภาพไม่เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ ซึ่งนี่คือความตั้งใจ ซึ่งตลอดการสนทนา สมเด็จฮุนเซนพยายามย้ำเรื่องการเปิดด่านเพียงเรื่องเดียว แต่ตนไม่กล้ารับปาก เพราะไม่แน่ใจว่า กองทัพมีความพร้อมหรือไม่

“แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้วค่ะ ว่าความต้องการของท่านจริง ๆ แล้ว คือต้องการคะแนนนิยมในประเทศของท่านเอง โดยไม่สนใจว่าจะเกิดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างไร การที่ต้องการเป็นที่นิยมในประเทศของท่าน ท่านเคยบอกดิฉันว่าคะแนนนิยมเริ่มตก ก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อยากจะเรียกพลังตรงนี้ ซึ่งดิฉันก็หวังว่าท่านจะได้คะแนนนิยมเพิ่ม และอยู่ในสายตาของโลก ที่จับตามองอยู่ว่า เมื่อผู้นำ 2 ท่านคุยกัน ในส่วนตัว แต่มีการอัดคลิป และปล่อยออกมาแบบนี้ ซึ่งแน่นอนว่าดิฉันไม่ได้ปล่อย ก็ตามนั้น และจะได้เข้าใจจุดประสงค์ว่า จริงๆเราตั้งใจเจรจาให้เกิดสันติภาพ ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นหนึ่งในการ ทำให้คะแนนนิยมของท่านดีขึ้น ก็ไม่เป็นไรตามนั้น” นายกรัฐมตรี กล่าว

ส่วนที่มีการบอกว่าแม่ทัพภาค 2 เป็นฝั่งตรงข้าม โดยระบุว่าไม่อยากให้สมเด็จฮุนเซนไปฟังแม่ทัพภาค 2 ซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามกับเรา ทางนั้นแค่อยากดูเท่ๆ แต่พูดอะไรไม่เป็นประโยน์ต่อประเทศชาตินั้น นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ไม่ได้หมายถึงพวกเรา แต่หมายความถึงไทยกับกัมพูชา เมื่อเป็นฝั่งตรงข้ามกันก็ต้องพูดถึงกันไม่ดีอยู่แล้ว

การที่สมเด็จฮุนเซนระบุว่าจะมีการปล่อยคลิปเสียงเต็มออกมา น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ก็เป็นสิ่งที่ไม่อยากให้คนไทยไปหลงกลตรงนี้ ไม่ได้แสดงว่าเราทะเลาะกัน แต่ประโยคที่พูดเพื่อทำความเข้าใจ และรับทราบความต้องการว่าอะไรจะทำให้ประเทศชาติสงบสุข และเรื่องการปะทะจบลงสักที เพราะทางกัมพูชาพยายามจะพูดแค่เรื่องการเปิดด่าน ซึ่งตนเองก็ฟังไม่ค่อยทัน เพราะมีล่ามแปลไปด้วย รวมไปถึงประโยคที่บอกว่าไม่เปิด เพราะทหารโกหก พอได้ข้อมูลมาปนกันก็ไม่แน่ใจ เพราะไม่ได้เป็นคนที่อยู่ตรงนั้น จึงแจ้งให้ทราบว่าวันพรุ่งนี้จะมีการประชุม จึงขอปรึกษาทางกองทัพก่อน

สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลฮุน กับตระกูลชินวัตร ถือว่าจบลงแล้วใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีหัวเราะ ก่อนกล่าวตอบว่า ไม่ทราบว่าจะเป็นอย่างไร แต่ไม่ขอคุยส่วนตัวแล้ว เพราะจะมีปัญหาเรื่องของความไว้ใจ

ส่วนจะต้องทำความเข้าใจกับแม่ทัพภาค 2 หรือไม่ เนื่องจากประโยคสนทนาของนายกรัฐมนตรี ทำให้เกิดความเข้าใจว่าเป็นคนละฝ่ายกับกองทัพนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า หากตนเป็นฝ่ายตรงข้ามกับกองทัพจริงทำไมจึงต้องแจ้งว่าขอรอกองทัพพิจารณาก่อน

พร้อมอธิบายต่อว่า วันแรกที่ได้รับฟังเรื่อง คือ ฝั่งกัมพูชาโกรธ ก็กังวลว่าปัญหาจะมากขึ้นหรือไม่ จึงพยายามทำความเข้าใจว่าไม่มีอะไรหรอก เวลาคนที่เป็นฝ่ายตรงข้ามพูดถึงกันก็เป็นแบบนี้ พยายามสื่อสารว่าไม่มีอะไรจริงจัง เพื่อให้เกิดความรู้สึกว่าหากเขายอมเรื่องนี้ไทยจะยอมเรื่องนี้ แต่กลับกลายเป็นว่าเมื่อคุยเรื่องการเปิดด่านและมีการเคลื่อนอาวุธ จึงต้องจำกัดเวลา

ผู้สื่อข่าวรรายงานว่า ระหว่างที่นายกรัฐมนตรี แถลงชี้แจงกรณีดังกล่าว นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ได้เดินเข้าวงการแถลงข่าวในช่วงหลังด้วยสีหน้าบึ้งตึงและไม่มีการพูดคุยกันหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 มิ.ย. 68)