Meta กังวลกรณีอิหร่านเรียกร้องให้ประชาชนหยุดใช้ WhatsApp

รัฐบาลอิหร่านได้ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนลบแอปพลิเคชันวอตส์แอป (WhatsApp) และเทเลแกรม (Telegram) รวมถึงแอปอื่น ๆ ที่สามารถระบุตำแหน่งได้ โดยกล่าวหาว่าเป็น “เครื่องมือหลักของอิสราเอล” ที่ใช้ในการระบุตัวตนและพุ่งเป้าโจมตีบุคคล ประกาศดังกล่าวมีขึ้นผ่านสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลอิหร่าน (IRIB) เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (17 มิ.ย.)

ท่าทีดังกล่าวส่งผลให้เมตา (Meta) บริษัทแม่ของวอตส์แอป ออกมาแสดงความกังวลทันที ว่าคำกล่าวหาที่ “เป็นเท็จ” นี้ อาจถูกใช้เป็นข้ออ้างในการปิดกั้นการให้บริการในอิหร่าน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ประชาชนต้องการเครื่องมือสื่อสารมากที่สุด

โฆษกของวอตส์แอปได้ชี้แจงผ่านแถลงการณ์ถึงสำนักข่าวซีบีเอสนิวส์ (CBS News) เพื่อยืนยันหลักการด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวว่า ข้อความทั้งหมดบนแพลตฟอร์มมีการเข้ารหัสแบบต้นทางถึงปลายทาง (end-to-end encrypted) ทำให้ไม่มีใครสามารถอ่านข้อความได้นอกจากผู้ส่งและผู้รับ แม้แต่วอตส์แอปเองก็ตาม นอกจากนี้ บริษัทยังยืนยันว่าไม่ได้ติดตามตำแหน่งที่แน่ชัดของผู้ใช้ ไม่เก็บบันทึกการสนทนา (log) ว่าใครติดต่อกับใคร และไม่ตรวจสอบเนื้อหาข้อความส่วนตัว

โฆษกย้ำว่า “เราไม่ได้ส่งมอบข้อมูลจำนวนมากให้กับรัฐบาลใด ๆ” พร้อมเสริมว่า ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา เมตาได้เผยแพร่รายงานความโปร่งใสอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการร้องขอข้อมูลจากภาครัฐในกรณีที่จำกัดเท่านั้น

ทั้งนี้ ข้อกล่าวอ้างของสื่อรัฐบาลอิหร่านเกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-อิหร่านที่กำลังทวีความรุนแรง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาลอิหร่านในการควบคุมและจำกัดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของประชาชนในประเทศ

การสู้รบทางอากาศระหว่างอิหร่านและอิสราเอลได้ล่วงเข้าสู่วันที่ 6 และยังไม่มีแนวโน้มสิ้นสุดลง ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กำลังพิจารณาใช้ปฏิบัติการโจมตีผู้นำอิหร่าน พร้อมกับเรียกร้องให้อิหร่านยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไข ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่าสถานการณ์รุนแรงในตะวันออกกลางอาจลุกลามเป็นวงกว้าง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 มิ.ย. 68)