
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.50% ในการประชุมสองวันที่เสร็จสิ้นในวันนี้ (17 มิ.ย.) ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของตลาด
นอกจากนี้ BOJ ประกาศว่าจะชะลอความเร็วในการลดซื้อพันธบัตรรัฐบาลตั้งแต่เดือนเม.ย. 2569 ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า BOJ จะดำเนินการปรับนโยบายการเงินสู่ระดับปกติอย่างรอบคอบระมัดระวัง
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ภายใต้แผนล่าสุดนี้ BOJ จะลดการซื้อพันธบัตรลง 2 แสนล้านเยน (1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ต่อไตรมาส จากปัจจุบันที่ 4 แสนล้านเยนต่อไตรมาส ซึ่งจะทำให้ยอดรวมของการซื้อพันธบัตรลดลงสู่ระดับประมาณ 2 ล้านล้านเยนในช่วงต้นปี 2570
ทั้งนี้ เนื่องจากการปรับขึ้นภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่มุ่งเน้นการส่งออกตกอยู่ในภาวะที่ไม่แน่นอน คณะกรรมการ BOJ จึงตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งเป็นการคงดอกเบี้ยในการประชุมสามครั้งติดต่อกัน
การที่ BOJ ตัดสินใจชะลอความเร็วในการลดซื้อพันธบัตร เกิดขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวพิเศษพุ่งสูงขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความกังวลเกี่ยวกับสถานะการคลังของรัฐบาลญี่ปุ่น หลังจากสมาชิกสภานิติบัญญัติเรียกร้องให้ปรับลดอัตราภาษีการบริโภค
หลังจากที่ BOJ ยุติการดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงินแบบพิเศษเพื่อต่อสู้กับเงินฝืดเป็นเวลานานนับทศวรรษ ซึ่งรวมถึงการซื้อสินทรัพย์จำนวนมาก ในที่สุด คณะกรรมการ BOJ ก็ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. 2567 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 มิ.ย. 68)